แชร์ความรู้ โปรแกรม crm คืออะไร

โปรแกรม CRM (Customer Relationship Management) หรือที่เรียกว่า “การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า” คือ ระบบที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างและบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเครื่องมือและฟีเจอร์หลายๆ อย่างเพื่อให้ธุรกิจสามารถติดตามและจัดการข้อมูลลูกค้าได้สะดวกและแม่นยำขึ้น ช่วยให้ธุรกิจสามารถเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ รวมถึงการเพิ่มยอดขาย การเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และการรักษาลูกค้าให้มีความภักดีต่อธุรกิจในระยะยาว

ฟังก์ชันหลักของโปรแกรม CRM

  1. การจัดการข้อมูลลูกค้า (Customer Data Management)
    • ระบบ CRM จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลที่สำคัญของลูกค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล การซื้อสินค้า หรือการติดต่อกับลูกค้าในรูปแบบต่างๆ
    • ข้อมูลที่ได้จากการโต้ตอบกับลูกค้าจะถูกรวบรวมและเก็บไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน
  2. การติดตามและจัดการโอกาสในการขาย (Sales Opportunity Management)
    • ระบบ CRM ช่วยติดตามโอกาสในการขาย เช่น ลูกค้าคนไหนที่สนใจในสินค้าหรือบริการใหม่ หรือคนไหนที่มีแนวโน้มจะซื้อ
    • ระบบช่วยจัดการกับกระบวนการขายตั้งแต่การเริ่มต้นจนถึงการปิดการขาย รวมถึงการคาดการณ์ยอดขายในอนาคต
  3. การบริการลูกค้า (Customer Service)
    • โปรแกรม CRM สามารถช่วยให้ธุรกิจตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น โดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาหรือคำถามที่ลูกค้าส่งเข้ามา เช่น การสนับสนุนผ่านช่องทางต่างๆ เช่น อีเมล, โทรศัพท์ หรือแชท
    • ระบบ CRM สามารถติดตามการบริการลูกค้าแต่ละครั้ง รวมถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือการให้บริการลูกค้าในเชิงลึก
  4. การตลาด (Marketing)
    • โปรแกรม CRM ช่วยในการจัดการแคมเปญการตลาด เช่น การส่งอีเมลโปรโมชั่น การตั้งค่าการโฆษณา หรือการโปรโมทสินค้าผ่านการทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (Target Marketing)
    • ข้อมูลลูกค้าในระบบ CRM จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างการตลาดที่ตอบโจทย์และตรงใจลูกค้าได้มากขึ้น
  5. การวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics)
    • โปรแกรม CRM มักมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การคาดการณ์ความต้องการสินค้า การวิเคราะห์ยอดขาย หรือความพึงพอใจของลูกค้า
    • การวิเคราะห์นี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจในการพัฒนาสินค้าและบริการ หรือปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของโปรแกรม CRM

  1. CRM แบบเชิงปฏิบัติการ (Operational CRM)
    • CRM ประเภทนี้เน้นการปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการขาย การตลาด และการบริการลูกค้า โดยช่วยให้การจัดการข้อมูลลูกค้าและการติดตามการโต้ตอบกับลูกค้าสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
    • ตัวอย่างเช่น การติดตามการโทรศัพท์หาลูกค้า การติดตามอีเมลที่ส่งไปยังลูกค้า การบันทึกข้อมูลการเข้าพบลูกค้า เป็นต้น
  2. CRM แบบวิเคราะห์ (Analytical CRM)
    • ประเภทนี้มุ่งเน้นที่การเก็บข้อมูลจากลูกค้าทั้งหมดและทำการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การคาดการณ์แนวโน้มการซื้อสินค้า ความชอบของลูกค้า หรือการหาลูกค้าที่มีศักยภาพสูง
    • ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้า เพื่อทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  3. CRM แบบร่วมมือ (Collaborative CRM)
    • CRM ประเภทนี้เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานภายในองค์กร เช่น ทีมขาย ทีมบริการลูกค้า ทีมการตลาด หรือฝ่ายอื่นๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
    • ตัวอย่างเช่น ทีมบริการลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้าเพื่อตอบคำถามหรือติดตามปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างการใช้งาน CRM ในธุรกิจ

  1. ตัวอย่างในธุรกิจ E-Commerce
    • บริษัทที่ขายสินค้าออนไลน์สามารถใช้โปรแกรม CRM ในการติดตามพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้า เช่น ลูกค้าคนไหนเคยซื้อสินค้าอะไรบ้าง หรือคนไหนที่มีการทิ้งสินค้าลงตะกร้าแต่ยังไม่ได้ทำการซื้อ
    • ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้ในการส่งอีเมลหรือโปรโมชั่นให้กับลูกค้าเพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาซื้อสินค้าหรือกระตุ้นให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้
  2. ตัวอย่างในธุรกิจบริการ (เช่น โรงแรมหรือสายการบิน)
    • โรงแรมสามารถใช้ CRM ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการจองห้องพักของลูกค้า เช่น ประวัติการเข้าพัก ความต้องการพิเศษในการเข้าพัก (เช่น ห้องที่มีวิวสวย หรือ ห้องพักสำหรับครอบครัว)
    • เมื่อมีกลุ่มลูกค้าที่จองห้องพักเป็นประจำ ก็สามารถเสนอโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการหรือส่งอีเมลที่เกี่ยวข้องกับการบริการที่พวกเขาสนใจได้
  3. ตัวอย่างในธุรกิจ B2B (Business to Business)
    • บริษัทที่ให้บริการซอฟต์แวร์หรือสินค้าสำหรับธุรกิจอื่นๆ สามารถใช้ CRM ในการติดตามการเจรจากับลูกค้าองค์กร ข้อมูลลูกค้าจะช่วยให้สามารถเสนอโปรโมชั่นหรือสินค้าบริการที่ตรงตามความต้องการของแต่ละองค์กรได้
    • ข้อมูลนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนกลยุทธ์การขายหรือการบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ข้อดีของการใช้โปรแกรม CRM

  1. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    • ระบบ CRM ช่วยให้งานต่างๆ เช่น การติดตามการขาย การให้บริการลูกค้า หรือการทำการตลาดสามารถทำได้รวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น
  2. การเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างมีระเบียบ
    • ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการข้อมูลลูกค้าทั้งหมดในที่เดียว ซึ่งทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
  3. การวิเคราะห์ข้อมูลที่ดีกว่า
    • ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและทำการตลาดหรือเสนอสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้
  4. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับลูกค้า
    • การเข้าใจความต้องการของลูกค้าและการตอบสนองได้ตรงเวลา ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความสำคัญและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์

ตัวอย่างโปรแกรม CRM ยอดนิยม

  1. Salesforce
    • เป็นหนึ่งในโปรแกรม CRM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีฟีเจอร์ครบถ้วนทั้งการขาย การบริการลูกค้า และการวิเคราะห์ข้อมูล
  2. HubSpot CRM
    • เป็น CRM ที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง มีฟีเจอร์ในการจัดการข้อมูลลูกค้า การขาย และการตลาดฟรี
  3. Bitrix24 CRM
    • เป็นโปรแกรม CRM ที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย

โปรแกรม CRM (Customer Relationship Management) คือระบบที่ช่วยธุรกิจจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยการเก็บข้อมูลลูกค้า ติดตามโอกาสการขาย บริการลูกค้า และการตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ฟีเจอร์หลัก ได้แก่ การเก็บข้อมูลลูกค้า, การติดตามการขาย, การบริการลูกค้า, การทำการตลาดเฉพาะกลุ่ม, และการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจ ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว เช่น โปรแกรม Salesforce, HubSpot, Bitrix24 และ Zoho

เว็บไซต์: Bitrix24

โปรแกรม crm

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top