OKR กับ Sales Funnel วิธีใช้ OKR เป็นวิธีการที่ชาญฉลาดในการเพิ่มประสิทธิภาพของทีมขายและผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการทำเช่นนี้จะช่วยให้ทีมมีความชัดเจนในเป้าหมาย และสามารถติดตามความคืบหน้าของการขายได้อย่างแม่นยำ
OKR กับ Sales Funnel วิธีใช้ OKR
- Sales Funnel หรือ ช่องทางการขาย คือกระบวนการที่ลูกค้าผ่านขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การรู้จักแบรนด์จนถึงการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ การปรับปรุง อัตราการปิดการขาย ต้องทำในหลายๆ ขั้นตอนของ Sales Funnel ซึ่งประกอบด้วย:
- Awareness (การรับรู้)
- Interest (ความสนใจ)
- Consideration (การพิจารณา)
- Intent (เจตนารมณ์)
- Purchase (การซื้อ)
- เพื่อที่จะเพิ่มอัตราการปิดการขาย (Conversion Rate) เราต้องมุ่งเน้นที่การปรับปรุงทุกขั้นตอนของ Sales Funnel โดยตั้ง OKR ที่ชัดเจนในแต่ละขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
วิธีการเชื่อมโยง OKR กับ Sales Funnel
- กำหนด Objectives กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย เช่น “เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ A ขึ้น 20% ในไตรมาสที่ 3”
- กำหนด Key Results กำหนดผลลัพธ์ที่สำคัญที่สามารถวัดได้ เช่น จำนวนลูกค้าใหม่, มูลค่าการขายเฉลี่ยต่อรายการ
- แบ่ง Key Results ตามขั้นตอนใน Sales Funnel เช่น
- ขั้นตอน Awareness เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 20%
- ขั้นตอน Consideration เพิ่มจำนวน Lead ที่ขอข้อมูลผลิตภัณฑ์ 15%
- ขั้นตอน Decision เพิ่มอัตราการปิดการขายจาก 20% เป็น 30%
- เลือก KPI ที่เกี่ยวข้อง เลือก KPI ที่สามารถวัดความคืบหน้าในการบรรลุ Key Results ได้ เช่น จำนวนการโทรติดต่อลูกค้าต่อวัน, อัตราการตอบรับอีเมล
- สร้าง Dashboard สร้าง Dashboard เพื่อแสดงผลการทำงานของทั้ง OKR และ Sales Funnel อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
ตัวอย่างการเชื่อมโยง OKR กับ Sales Funnel
Objective | Key Results | KPI | Sales Funnel Stage |
---|---|---|---|
เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ A ขึ้น 20% ในไตรมาสที่ 3 | เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ A 100 ราย | จำนวน Lead ที่เข้าสู่ขั้นตอน Demo | Decision |
อัตราการปิดการขายจาก Demo เป็น Deal | Decision | ||
เพิ่มมูลค่าการขายเฉลี่ยต่อรายการของผลิตภัณฑ์ A ขึ้น 15% | มูลค่าการขายเฉลี่ยต่อ Deal | Decision |
ตัวอย่างการนำไปใช้จริง
สมมติว่าบริษัท A มีเป้าหมายในการเพิ่มยอดขายซอฟต์แวร์ใหม่ภายในไตรมาสนี้ OKR และ Sales Funnel อาจถูกกำหนดดังนี้
- Objective เพิ่มยอดขายซอฟต์แวร์ใหม่ 30% ภายในไตรมาสนี้
- Key Results
- เพิ่มจำนวน Lead ที่เข้าสู่ขั้นตอน Demo 50%
- เพิ่มอัตราการปิดการขายจาก Demo เป็น Deal จาก 20% เป็น 30%
- ลดระยะเวลาในการปิด Deal ลง 10 วัน
- KPI
- จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์หน้า Landing Page ของผลิตภัณฑ์ใหม่
- จำนวนการดาวน์โหลด Ebook
- จำนวนการขอ Demo
- อัตราการตอบกลับอีเมล
- ระยะเวลาเฉลี่ยในการปิด Deal
ขั้นตอนในการใช้ OKR เพื่อเพิ่มอัตราการปิดการขาย
1. กำหนด Objective (เป้าหมาย)
Objective คือเป้าหมายที่ท้าทายและชัดเจนที่ต้องการบรรลุในระยะเวลาที่กำหนด ในการเพิ่มอัตราการปิดการขาย เป้าหมายที่ดีจะต้องมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงกระบวนการขายในทุกขั้นตอนของ Sales Funnel
ตัวอย่าง Objective:
- “เพิ่มอัตราการปิดการขายจาก 20% เป็น 30% ในไตรมาสนี้”
- “ปรับปรุงกระบวนการขายเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าในช่องทางการขายทั้งหมด 25% ภายใน 3 เดือน”
2. ตั้ง Key Results (ผลลัพธ์หลัก)
Key Results คือการวัดผลที่สามารถยืนยันได้ว่าเราบรรลุ Objective หรือไม่ Key Results ควรจะเป็นตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้และมีความชัดเจน เช่น การเพิ่มอัตราการปิดการขาย, การลดระยะเวลาในการตัดสินใจของลูกค้า, หรือการเพิ่มจำนวนลูกค้าที่เปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นลูกค้าจริง
ตัวอย่าง Key Results ที่เชื่อมโยงกับการเพิ่มอัตราการปิดการขาย:
- Key Result 1: เพิ่มอัตราการปิดการขายจาก 20% เป็น 30% ภายในไตรมาสนี้
- Key Result 2: ลดเวลาเฉลี่ยในการปิดการขายจาก 15 วันเหลือ 10 วัน
- Key Result 3: เพิ่มการติดตามลูกค้า (follow-up) จาก 2 ครั้งเป็น 5 ครั้งต่อเดือน
3. เชื่อมโยง OKR กับขั้นตอนใน Sales Funnel
การเชื่อมโยง OKR กับขั้นตอนใน Sales Funnel จะช่วยให้ทีมขายสามารถทำงานได้ตรงกับเป้าหมายในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการขาย
ขั้นตอนที่ 1: Awareness (การรับรู้)
ในขั้นตอนนี้ ลูกค้ากำลังเริ่มรู้จักแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณ การตั้ง OKR ที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนนี้คือการสร้างการรับรู้และดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้าสู่ Funnel
- Objective: เพิ่มจำนวนลูกค้าเป้าหมายที่รู้จักแบรนด์
- Key Result:
- เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ 50%
- เพิ่มผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย 20%
- เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ที่เข้ามาติดต่อผ่านช่องทางต่างๆ (เช่น โทรศัพท์, อีเมล) 30%
ขั้นตอนที่ 2: Interest (ความสนใจ)
ลูกค้าเริ่มแสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์ของคุณ ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องใช้ การทำการตลาดและการติดต่อที่เหมาะสม เช่น การส่งอีเมลที่มีเนื้อหาสนใจหรือการเสนอโปรโมชั่นพิเศษ
- Objective: เพิ่มความสนใจในผลิตภัณฑ์และบริการ
- Key Result:
- เพิ่มอัตราการตอบรับอีเมล marketing จาก 10% เป็น 20%
- เพิ่มการเปิดดูเนื้อหาจากโฆษณาออนไลน์ 30%
- เพิ่มจำนวนลูกค้าที่ยินดีให้ข้อมูลหรือแสดงความสนใจ (เช่น ฟอร์มกรอกข้อมูล, การลงทะเบียนรับข้อมูลเพิ่มเติม) 25%
ขั้นตอนที่ 3: Consideration (การพิจารณา)
ในขั้นตอนนี้ ลูกค้าเริ่มพิจารณาผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเป็นตัวเลือกจริงจัง การติดตามลูกค้าอย่างต่อเนื่องและการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าเป็นสิ่งสำคัญ
- Objective: ทำให้ลูกค้าพิจารณาผลิตภัณฑ์ของคุณ
- Key Result:
- เพิ่มจำนวนการประชุมหรือการสนทนากับลูกค้า 50%
- เพิ่มจำนวนการขอทดลองใช้งาน (free trial) 30%
- ส่งข้อมูลรายละเอียดผลิตภัณฑ์/บริการให้ลูกค้า 100%
ขั้นตอนที่ 4: Intent (เจตนารมณ์)
ในขั้นตอนนี้ ลูกค้าแสดงความตั้งใจที่จะซื้อ หรือกำลังพิจารณารายละเอียดสุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อ
- Objective: เพิ่มลูกค้าที่แสดงเจตนารมณ์ในการซื้อ
- Key Result:
- ลดเวลาในการตอบสนองต่อคำถามจากลูกค้าจาก 48 ชั่วโมงเป็น 12 ชั่วโมง
- เพิ่มจำนวนข้อเสนอพิเศษที่ปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน 40%
- เพิ่มจำนวนลูกค้าที่แจ้งเจตนาจะซื้อ 20%
ขั้นตอนที่ 5: Purchase (การซื้อ)
ในขั้นตอนสุดท้าย ลูกค้าตัดสินใจซื้อ การปรับปรุงอัตราการปิดการขาย (Conversion Rate) อยู่ที่การทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็วและมั่นใจ
- Objective: เพิ่มอัตราการปิดการขายจาก 20% เป็น 30%
- Key Result:
- เพิ่มอัตราการปิดการขายจาก 20% เป็น 30%
- ลดจำนวนลูกค้าที่ยกเลิกการซื้อ (Cart abandonment) ลง 15%
- เพิ่มการขายข้าม (cross-sell) และการขายต่อเนื่อง (up-sell) ให้กับลูกค้าที่ซื้อแล้ว 25%
4. ติดตามผลและปรับกลยุทธ์
การติดตามผลและการปรับกลยุทธ์เป็นส่วนสำคัญในการใช้ OKR เพื่อเพิ่มอัตราการปิดการขายใน Sales Funnel ทีมขายควรติดตามความคืบหน้าในแต่ละ Key Result ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือนเพื่อประเมินว่าได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ และหากไม่สามารถบรรลุได้ อาจต้องปรับกลยุทธ์การขาย, การตลาด, หรือกระบวนการติดตามลูกค้า
ตัวอย่างการติดตาม:
- หากทีมขายพบว่า อัตราการปิดการขาย ยังไม่ถึง 30% อาจต้องปรับกระบวนการปิดการขาย เช่น การใช้สคริปต์การขายที่ดีกว่า หรือการฝึกอบรมทักษะการเจรจาต่อรองให้กับทีมขาย
- หากพบว่า ลูกค้าที่ยกเลิกการซื้อ (cart abandonment) สูงเกินไป อาจต้องมีการปรับปรุงกระบวนการชำระเงินหรือเพิ่มช่องทางการติดต่อเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
ประโยชน์ที่ได้รับ
- ความชัดเจนในเป้าหมาย ทุกคนในทีมจะเข้าใจว่าบทบาทของตนเองสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายอย่างไร
- การทำงานร่วมกัน ทีมขายจะทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
- การเพิ่มประสิทธิภาพ ทีมขายสามารถวัดผลการทำงานของตนเองได้อย่างชัดเจน และปรับปรุงการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
- การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ OKR และ Sales Funnel ช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมาย